An Ending (Ascent) โซนแห่งเสียงที่สั่นไหวและจังหวะที่ลื่นไหลราวกับสายน้ำในป่าลึก

“An Ending (Ascent)” เป็นผลงานของนักดนตรีชาวอเมริกัน Eliane Radigue ผู้เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกวงการ musique concrète ในทศวรรษ 1960 Radigue เริ่มต้นอาชีพทางดนตรีด้วยการศึกษาวิชาคณิตศาสตร์และปรัชญา ซึ่งเห็นได้จากความ meticulously ที่อยู่ในผลงานของเธอ
เพลง “An Ending (Ascent)” สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1970 โดยเป็นส่วนหนึ่งของชุดอัลบัมที่ชื่อว่า “Trilogie de la mort” หรือ “The Trilogy of Death” ซึ่งมีลักษณะเด่นด้วยการผสานเสียงอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องดนตรีอะคูสติกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
เพลงนี้เริ่มต้นด้วยเสียง synthesizer ที่แผ่ซาวด์สเกปที่กว้างไกลราวกับจักรวาล สงวนไว้ด้วยเสียงสูงและคมชัด ซึ่งRadigue ตั้งใจจะสร้างความรู้สึกของความว่างเปล่า และความมืดมิด
จากนั้น เสียง synthesizer จะค่อยๆ เติบโตขึ้นอย่างช้าๆ โดยมีการเพิ่ม timbre และ texture ที่หลากหลายเข้ามา เช่น เสียงฮาร์โมนิกที่ลอยอยู่เหนือพื้นหลังของเสียงสีขาว, เสียง droning ที่เรียบง่ายและสงัด, และเสียง pulse ที่เป็นจังหวะ
ในขณะที่เพลงดำเนินไป เสียงต่างๆ จะเริ่มซ้อนทับกัน และสร้างขึ้นเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนราวกับภาพวาดนามธรรม โดยที่ยังคงรักษาความสงบและไพเราะเอาไว้
การจัดวางของเสียงใน “An Ending (Ascent)” เสมือนกับการนำผู้ฟังไปสู่การเดินทางข้ามมิติเวลา และอวกาศ ผู้ฟังจะรู้สึกเหมือนกำลังลอยตัวอยู่บนคลื่นเสียงที่ไหลเรื่อยไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
มุมมองของนักวิจารณ์ดนตรี
“An Ending (Ascent)” ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ดนตรีจำนวนมาก ซึ่งยกย่องความแปลกใหม่และความล้ำหน้าของผลงานนี้ ในบทวิจารณ์ของนิตยสาร The Wire Radigue ถูกยกให้เป็น “one of the most important composers of our time”
นักวิจารณ์ดนตรีคนหนึ่งกล่าวว่า “An Ending (Ascent)” เป็น “a masterpiece of minimalist electronic music” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างสรรค์เสียงที่ทั้งซับซ้อนและงดงามในขณะเดียวกัน
เทคนิคการแต่งเพลง
Radigue สร้าง “An Ending (Ascent)” โดยใช้เครื่อง synthesizer ARP 2600 ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ยอดนิยมในยุค 70 เธอได้ใช้เทคนิคการแต่งเพลงที่เรียกว่า “tape looping”
โดยบันทึกเสียงจาก synthesizer ลงบนเทปแม่เหล็ก และต่อมาPlayback และบันทึกเสียงใหม่ ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็น texture และ timbre ที่เป็นเอกลักษณ์
นอกจากนี้ Radigue ยังใช้เทคนิคการ “filtering” เพื่อปรับแต่งเสียงของ synthesizer ให้มีความหวานและนุ่มนวลมากขึ้น
อิทธิพลต่อวงการดนตรี
“An Ending (Ascent)” มีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการดนตรีอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ โดยเฉพาะในด้านการใช้เสียง ambient และ minimal music
นักแต่งเพลงรุ่นหลังๆ เช่น Brian Eno, Aphex Twin, และ Tim Hecker ต่างก็ได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานของ Radigue
สรุป
“An Ending (Ascent)” เป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างสรรค์เสียงที่ทั้งซับซ้อนและงดงามในขณะเดียวกัน
เพลงนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของ musique concrète ซึ่งเป็นแนวทางดนตรีที่เน้นการใช้เสียงที่บันทึกมาจากโลกจริง และจัดเรียงเพื่อสร้างผลงานดนตรีใหม่
“An Ending (Ascent)” เป็นผลงานที่ผู้ฟังควรได้มีโอกาสสัมผัส และเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในการรับรู้ดนตรี